วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2552

Moringa = The tree of life / มะรุม - ต้นไม้แห่งชีวิต


"มะรุม" เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางที่ถูกปลูกไว้ในบริเวณบ้านไทยมาแต่โบราณ กินได้หลายส่วน ทั้งยอด ดอก และฝักเขียว แต่ใครๆ ก็นิยมกินฝักมากกว่าส่วนอื่นๆ ต้นมะรุมพบได้ทุกภาคในประเทศไทย ทางอีสานเรียก “ผักอีฮุม หรือผักอีฮึม” ภาคเหนือเรียก “มะค้อมก้อน” ชาวกะเหรี่ยงแถบกาญจนบุรีเรียก “กาแน้งเดิง” ส่วนชานฉานแถบแม่ฮ่องสอนเรียก “ผักเนื้อไก่” เป็นต้น


มะรุมมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Moringa oleifera Lam. วงศ์ Moringaceae เป็นพืชกำเนิดแถบใต้เชิงเขาหิมาลัย


มะรุมเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 3-4 เมตร ทรงต้นโปร่ง

- ใบเป็นแบบขนนกคล้ายกับใบมะขามออกเรียงแบบสลับ

- ผิวใบด้านล่างสีอ่อนกว่าด้านบน

- ดอกออกเป็นช่อสีขาว ดอกมี 5 กลีบ

- ฝักมีความยาว 20-50 เซนติเมตร ลักษณะเหมือนไม้ตีกลอง เป็นที่มาของชื่อต้นไม้ตีกลองในภาษา อังกฤษ (Drumstick Tree)

- เปลือกฝักอ่อนสีเขียวมีส่วนคอดและส่วนมนเป็นระยะตามความยาวของฝัก

- เปลือกฝักแก่มีสีน้ำตาล

- เมล็ดมีเยื่อหุ้มลักษณะกลมมีสีน้ำตาล เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร

- เมล็ดแก่สามารถบีบน้ำมันออกมากินได้


สรรพคุณและวิธีใช้ ส่วนที่ใช้ประโยชน์ของ "มะรุม" คือ ยอดอ่อน ฝักอ่อน ดอกอ่อน เมล็ดสุก เปลือกต้น และใบ ซึ่งแต่ละส่วนจะให้สรรพคุณแตกต่างกันดังต่อไปนี้


เมล็ด เมล็ดสุก เมล็ดสด นำมาคั้นเอาน้ำมัน จะได้น้ำมันที่เรียกว่า เบนเฮนออยล์ (Ben hen oil) หรือ เบน (Ben) ใช้รับประทานเป็นน้ำมันสลัด ส่วนเมล็ดใช้รับประทานเป็นอาหารเช่นเดียวกันกับถั่ว น้ำมันเบนเฮนออยล์ (Ben hen oil) มีคุณสมบัติพิเศษ คือ ไม่รวมกับออกซิเจน (resistant to oxidation) จึงใช้ทำเครื่องสำอาง ใช้ปรุงเป็นยาแก้ไข้ ใช้หยอดจมูกบำบัดโรคภูมิแพ้ ไซนัสโรคทางเดินหายใจ ใช้หยอดหูฆ่าและป้องกันพยาธิในหู บำบัดอาการเยื่อบุหูอักเสบ บำบัดโรคหูน้ำหนวก ใช้ทาผิวหนังบำบัดโรคผิวหนังจากเชื้อราและเชื้อไวรัส บำบัดโรคเริม งูสวัด บำบัดและบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น ใช้ทาบำบัดแผลสด หูด ตาปลา ใช้ถูนวดบรรเทาอาการบริเวณที่ปวดบวมตามข้อ บำบัดโรคไขข้ออักเสบ เก๊าท์ รูมาติก เป็นต้น


ราก ใช้บำรุงธาตุ แก้อาการอักเสบบวม แก้ปวดข้อ บำบัดโรคท้องมาน ขับลม


เปลือกต้น ใช้เป็นยาขับลม คุมธาตุอ่อนๆ แก้ฝี แก้พยาธิ เป็นยาอายุวัฒนะ ต้มเป็นกระสาย และแก้หอบหืด


ดอก เป็นยาบำรุง ใช้ขับปัสสาวะ ขับน้ำตา กินร่วมกับใบ ใช้ลดพิษในหอยทะเลฝักอ่อน แก้ไข้ แก้ขัดเบา


ใบ มีรสเฝื่อน ใช้แก้โรคเลือดออกตามไรฟัน ใช้พอกรักษาแผล แก้อักเสบ เยื่อเมือกอักเสบ บางรายงานพบว่าช่วยลดอาการตับและม้ามโตได้ และขับนิ่วในไต


คุณค่าทางอาหารของมะรุม

ใบมะรุมมีโปรตีนสูงกว่านมสด 2 เท่า
นอกจากนี้ มะรุมมีธาตุอาหารปริมาณสูงเป็นพิเศษที่ช่วยป้องกันโรค นั่นคือ

วิตามินเอ บำรุงสายตามีมากกว่าแครอท 4 เท่า
วิตามินซี ช่วยป้องกันหวัด 7 เท่าของส้ม
แคลเซียม บำรุงกระดูกเกิน 4 เท่าของนมสด
โพแทสเซียม บำรุงสมองและระบบประสาท 3 เท่าของกล้วย
ใยอาหารและพลังงานไม่สูงมากเหมาะกับผู้ที่ควบคุมน้ำหนักอีกด้วย
น้ำมันสกัดจากเมล็ดมะรุมมีองค์ประกอบคล้ายน้ำมันมะกอกดีต่อสุขภาพอย่างยิ่ง
ใบมะรุม 100 กรัม (คุณค่าทางโภชนาการของอาหารอินเดีย พ.ศ. 2537)
พลังงาน 26 แคลอรี
โปรตีน 6.7 กรัม (2 เท่าของนม)
ไขมัน 0.1 กรัม
ใยอาหาร 4.8 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 3.7 กรัม
วิตามินเอ 6,780 ไมโครกรัม (3 เท่าของแครอท)
วิตามินซี 220 มิลลิกรัม (7 เท่าของส้ม)
แคโรทีน 110 ไมโครกรัม
แคลเซียม 440 มิลลิกรัม (เกิน 3 เท่าของนม)
ฟอสฟอรัส 110 มิลลิกรัม
เหล็ก 0.18 มิลลิกรัม
แมกนีเซียม 28 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 259 มิลลิกรัม (3 เท่าของกล้วย)

จากอาหารมาเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ ปัจจุบันชาวญี่ปุ่นผลิตชาใบมะรุมออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบุว่าใช้แก้ไขปัญหาโรคปากนกกระจอก หอบหืด อาการปวดหูและปวดศรีษะ ช่วยบำรุงสายตา ระบบทางเดินอาหาร และช่วยระบายกาก ประเทศอินเดีย หญิงตั้งครรภ์จะกินใบมะรุมเพื่อเสริมธาตุเหล็ก แต่ที่ประเทศที่ฟิลิปปินส์และบอสวานาหญิงที่เลี้ยงลูกด้วยนมจะกินแกงจืดใบมะรุม (ภาษาฟิลิปปินส์ เรียก “มาลังเก”) เพื่อประสะน้ำนมและเพิ่มแคลเซียมให้กับน้ำนมแม่เหมือนกับคนไทย

ชะลอความแก่ กล่าวกันว่ามะรุมมีฤทธิ์ชะลอความแก่ เนื่องจากยังไม่พบรายงานการวิจัยเกี่ยวกับมะรุมในด้านนี้ คาดว่าเป็นการสรุปเนื่องจากมะรุมมีสารฟลาโวนอยด์สำคัญคือ รูทินและเควอเซทิน (rutin และ quercetin) สารลูทีนและกรดแคฟฟีโอลิลควินิก (lutein และ caffeoylquinic acids) ซึ่งต้านอนุมูลอิสระ ดูแลอวัยวะต่างๆ ได้แก่ จอประสาทตา ตับ และหลอดเลือดจากการเสื่อมสภาพตามอายุ การกินสารต้านอนุมูลอิสระชะลอการเสื่อมสภาพในเซลล์ร่างกาย
มะรุมแคปซูล
ปัจจุบันต้นมะรุมในธรรมชาติเริ่มลดน้อยลง คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยรู้จักนำมาใช้ประโยชน์ อีกทั้งรสชาติของฝักและใบมะรุมมีความขม จึงได้นำฝักและใบมะรุม มาแปรรูปเป็นผงบรรจุแคปซูลขายเป็นการค้า เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่ชอบรสขมของมะรุมฝักสด ให้รับประทานได้ง่ายขึ้น การแปรรูปมะรุมให้เป็นผงแล้วบรรจุแคปซูล เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้บริโภคที่รักสุขภาพ
ขบวนการผลิตมะรุมแคปซูล

ใบมะรุมสด




ใบมะรุมแห้ง




"บดละเอียด"


"บรรจุแคปซูล"



บรรจุแคปซูลขนาด 500 มก.
ปริมาณ 100 แคปซูล

ราคาขวดละ 160 บาท
วิธีใช้ : รับประทานก่อนอาหาร เช้า - เย็น ครั้งละ 2 แคปซูล
ประโยชน์ : ใบมะรมมีปริมาณวิตามินซีมากกว่าส้ม 7 เท่าตัว วิตามินเอ
และแคลเซียม มากกว่าแครอทและนม และมีโปรแตสเซียมมากกว่ากล้วย ช่วยบำรุงโลหิตได้





น้ำมันสกัดจากเมล็ดมะรุม 100%
ปริมาณ 50 มิลลิลิตร

ราคาขวดละ 450 บาท

วิธีใช้ : ใช้ทาบางๆ บริเวณผิวกายและผม
สรรพคุณ : ใช้หยอดจมูกรักษาโรคภูมิแพ้ ไซนัสโรคทางเดินหายใจ ใช้หยอดหูฆ่าและป้องกันพยาธิในหู รักษาอาการเยื่อบุหูอักเสบ รักษาโรคหูน้ำหนวก ใช้ทาผิวหนังรักษาโรคผิวหนังจากเชื้อราและเชื้อไวรัส รักษาโรคเริม งูสวัด รักษาและบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น ใช้ทารักษาแผลสด หูด ตาปลา ใช้ถูนวดบรรเทาอาการบริเวณที่ปวดบวมตามข้อ รักษาโรคไขข้ออักเสบ เก๊าต์ รูมาติก เป็นต้น
.....................................................................................
พบว่าทั้งกลุ่มที่กินมะรุมและยามีคอเลสเทอรอลฟอสโฟไลพิด ไตรกลีเซอไรด์ VLDL LDL ปริมาณคอเลสเทอรอลต่อฟอสโฟไลพิด และ atherogenic index ต่ำลงทั้ง 2 กลุ่มมีการสะสมไขมันในตับ หัวใจ และท่อเลือดแดง (เอออร์ตา)

กลุ่มควบคุมปัจจัยด้านการสะสมไขมันในอวัยวะเหล่านี้ไม่มีค่าลดลงแต่อย่างใด

กลุ่มที่กินมะรุมพบการขับคอเลสเทอรอลในอุจจาระเพิ่มขึ้น ผู้วิจัยจึงสรุปว่าการกินมะรุมมีผลลดไขมันในร่างกาย

ที่ประเทศอินเดียมีการใช้ใบมะรุมลดไขมันในคนที่มีโรคอ้วนมาแต่เดิม การศึกษาการกินสารสกัดใบมะรุมในหนูที่กินอาหารไขมันสูงมีปริมาณคอเลสเทอรอลในเลือดลดลงอย่างมีนัยสำคัญเทียบกับกลุ่มควบคุม นอกจากนี้กลุ่มทดลองมีปริมาณไขมันในตับและไตลดลง

สรุปว่าการให้ใบมะรุมเพื่อลดปริมาณไขมันทางการแพทย์อินเดียสามารถวัดผลได้ในเชิงวิทยาศาสตร์จริง
ประโยชน์ของมะรุม
1. ใช้รักษาโรคขาดอาหารในเด็กแรกเกิดถึง 10 ขวบ และลดสถิติการเสียชีวิต พิการ
และตาบอดได้เป็นอย่างดี
2. ใช้รักษาผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานให้อยู่ในภาวะควบคุมได้
3. รักษาโรคความดันโลหิตสูง
4. ช่วยเพิ่มและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ทานผลิตผลจากมะรุมในระหว่างตั้งครรภ์ เด็กที่เกิด
มาจะไม่ติดเชื้อHIV นอกจากนี้ถ้ารับประทานอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้งยังช่วยให้คนทั่วๆไป
5. สามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง
6. ช่วยรักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ให้อยู่ในภาวะควบคุมได้ การรักษาโรคเอดส์ที่ประสบผลสำเร็จในกลุ่ม
ประเทศอัฟริกา
7. ถ้ารับประทานสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคมะเร็ง แต่ถ้าหากเป็นก็จะช่วยให้
การรักษาพยาบาล ง่ายขึ้น ในบางกรณีสามารถหยุดการเจริญเติบโตของโรคร้ายได้
ถ้าใช้ควบคู่ไปกับยาแพทย์แผนปัจจุบัน หากผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งได้รับการรักษาด้วยรังสี
การดื่มน้ำมะรุมจะช่วยให้การแพ้รังสีฟื้นตัวเร็วขึ้นและ มีร่างกายที่แข็งแรง
8. ช่วยรักษาโรคไขข้ออักเสบ โรคเก๊าต์ โรคกระดูกอักเสบ โรคมะเร็งในกระดูก
โรครูมาติซัม
9. รักษาโรคตาเกือบทุกชนิด เช่น โรคตามืดตามัวเพราะขาดสารอาหารที่จำเป็น โรคตาต้อ เป็นต้น
ถ้า รับประทานสม่ำเสมอ จะทำให้ตามีสุขภาพที่สมบูรณ์
10. รักษาโรคลำไส้อักเสบ โรคเกี่ยวกับท้อง ท้องเสีย ท้องผูก โรคพยาธิในลำไส้
11. รักษาปอดให้แข็งแรง รักษาโรคทางเดินของลมหายใจ และโรคปอดอักเสบ
เป็นยาปฏิชีวนะ
................................................................................


หมายเหตุ - ติดต่อที่ 081-625 2454 เอ็กซ์ค่ะ
ทางอีเมล์ angel_exx@hotmail.com
สินค้าไม่ได้มีวางขายหน้าร้านทั่วไป
หากจะสั่งซื้อก็ติดต่อตามเบอร์โทรหรือ E-mail ที่แจ้งไว้
และจัดส่งไปให้ทางไปรษณีย์ค่ะ

โอนเงินสั่งซื้อที่ :
บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพฯ
สาขาสุขาภิบาล3-บึงกุ่ม
ชื่อบัญชี นายเบญจรงค์ มากศรี
เลขที่ 056-0-39890-1




.............................................................................

1 ความคิดเห็น: